คราฟเบียร์ ออนไลน์ แหล่งรวมเบียร์ ทุกรสชาติ ครบจบที่นี่

สหายนักดื่มต้องการหาซื้อ คราฟเบียร์ ใกล้ๆ หรือ สั่งเบียร์ออนไลน์ ส่งทั่วไทย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าซื้อที่ไหนดี คราฟเบียร์ ยี่ห้อไหนดี  พร้อมช่วยแนะนำเบียร์ที่กำลังเป็นที่นิยม ในปี 2024 โดยร้านเรา Beer6.net เป็นแหล่งรวมคราฟเบียร์ ราคาส่ง มีสินค้ามากกว่า 200 ชนิด และสำหรับใครที่ต้องการศึกษาข้อมูล และวิธีหมักเบียร์คราฟ ต้องห้ามพลาด

| รีวิวจากร้าน BEER6

คราฟเบียร์ คืออะไร ต่างจากเบียร์ปกติยังไง

Craft Beer หรือ คราฟเบียร์ เป็นเบียร์ที่ผลิตโดยโรงเบียร์ขนาดเล็ก โดยมีกระบวนการผลิตที่ออร์แกนิคมากและใช้ฝีมือของผู้ผลิตเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและรสชาติของเบียร์ได้มากกว่า คราฟเบียร์ มักมีความหลากหลายในรสชาติและกลิ่น

โดยมีคราฟเบียร์ส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ผลไม้สดหรือเมล็ดพืช เพื่อให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนโรงเบียร์จะมีการผลิตเป็นจำนวนมาก และมีกระบวนการผลิตที่มาตรฐานและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอาจไม่มีการควบคุมรายละเอียดมากนัก ทำให้เบียร์ปกติมักมีรสชาติและกลิ่นไม่หลากหลาย

แนะนำ 4 คราฟเบียร์ ยอดฮิต ในปี 2024 ที่ควรลอง

แนะนำสำหรับปี 2024 สำหรับสหายนักดื่ม ท่านใดที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับการเลือกดื่มคราฟเบียร์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากเราได้รวม 4 คราฟเบียร์ ที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆ มาให้เลือกซื้อ ดังนี้

เบียร์แนะนำ raven

เบียร์ราเวน

RAVEN เป็นที่มีหลากหลายรสชาติคนที่ชื่นชอบรสชาติเบียร์ที่เบาๆ ต้องชอบแน่นอน คราฟเบียร์นุ่มๆ แต่มีความเมาไม่แพ้ใคร ABV 5.5% – ABV 6.0%

เบียร์แนะนำ Call me papa

Call me papa

เบียร์สุดฮิต Call Me Papa เบียร์คราฟหลากหลายรสชาติ มีกลิ่นอันเป็นจุดเด่นไม่ซ้ำใคร แถมปริมาณแอลกอฮอล์ (ABV) มากถึง 6.5 – 7.2%

เบียร์แนะนำ peebok

เบียร์ผีบอก ( PEEBOK )

PEEBOK หรือ ผีบอก มีหลากหลายรสชาติที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับคนไทย ABV 5.0% ไปจนถึง ABV 7.5%  ที่มีความเข้มข้น

เบียร์วิซาร์ด ( WIZARD )

วิซาร์ด WIZARD คราฟเบียร์สุดโด่งดัง ด้วยแพ็คเกจที่ไม่ซ้ำใคร ดีไซน์สุดล้ำ มี 3 รสชาติให้เลือกดื่ม มาพร้อมกับ ABV ให้เลือกตั้งแต่ 5.5 – 5.7%

ทำไมต้องเบียร์คราฟ มีอะไรดีกว่า เบียร์ทั่วไปในตลาด

สาเหตุที่ทำให้ทุกท่านควรดื่มเบียร์คราฟแทนที่จะดื่มเบียร์แบบทั่วไป โดยเบียร์ประเภทนี้จะมีความมีความพิเศษยังไง ต้องไปดู

  • ปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากกว่าเบียร์ทั่วไป
  • มีให้เลือกหลากหลายประเภทมากกว่า
  • เบียร์คราฟมีรสชาติ ดีกว่าเบียร์ทั่วไป

วิธีการผลิตและขั้นตอนการหมักคราฟเบียร์

สำหรับสหายนักดื่มที่ต้องการทำเบียร์คราฟขึ้นมาเอง แต่ยังไม่ทราบวิธีการผลิตและขั้นตอนการหมักเบียร์คราฟ แบบระเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ ไปจนถึงขั้นตอนการทำทุกขั้นตอน ใครที่คราฟเบียร์ไม่เป็น สามารถศึกษาได้พร้อมกัน ที่นี่

Mash

Mash  (การสกัดน้ำตาล)

เป็นขั้นตอนสำคัญในการผลิตคราฟต์เบียร์ โดยเป็นขั้นตอนที่แป้งในมอลต์ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหมักได้โดยเอนไซม์ที่อยู่ในมอลต์เอง

Boil

Boil (การต้มเบียร์)

เป็นกระบวนการที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย ซึ่งจะมีผลต่อรสชาติและกลิ่นของเบียร์ การต้มเบียร์ให้ถูกวิธีและมืออาชีพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เบียร์ของเรามีคุณภาพที่ดีและเป็นเอกลักษณ์

Ferment (การหมัก)

เป็นกระบวนการที่มีผลกระทบต่อรสชาติและกลิ่นเบียร์ที่สุดการดูแลและควบคุมการหมักนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากๆในการผลิตเบียร์จะสามารถจัดการกับกระบวนการการหมักได้ดีพร้อมกับรสชาติที่ต้องการ

Bottle Condition

 (การบรรจุลงขวด) Bottle & Condition

หมายถึงกระบวนการที่เบียร์คราฟถูกนำไปบรรจุใส่ขวดหลังจากที่ผ่านกระบวนการ สกัดน้ำตาล การต้ม การหมักที่ช่วยให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในขวดเมื่อถูกปิด ดังนั้นจำเป็นต้องทำอย่างถูกต้องและใช้เครื่องที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดคุณภาพของเบียร์ที่ดีนั่นเอง

ต้นกำเนิดคราฟเบียร์ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงยุคสมัยไหน

จุดเริ่มต้น คราฟเบียร์ เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในสหรัฐอเมริกา สาเหตุหลักมาจากความเบื่อหน่ายกับเบียร์ลาเกอร์ commercially produced ผู้คนเริ่มมองหาเบียร์ที่มีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โรงเบียร์ขนาดเล็กเริ่มผุดขึ้น ทดลองสูตรเบียร์ใหม่ ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม กระแสความนิยมนี้ยังแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย ยุโรป ในช่วงปี 1980

ในประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมในช่วงปี 2010 ปัจจุบันมีโรงเบียร์คราฟต์ในประเทศไทยมากกว่า 100 แห่ง คราฟเบียร์ไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไป เพราะผู้บริโภคเริ่มมองหาเบียร์ที่มีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โรงเบียร์คราฟต์จะต้องพัฒนาสูตรเบียร์ใหม่ๆ สร้างสรรค์รสชาติที่ไม่เหมือนใครเพื่อรองรับการโตขึ้นของวงการคราฟเบียร์ในอนาคต

รสชาติและกลิ่นเบียร์คราฟยอดนิยม

วันนี้ทางเรา Beer 6 จะมาอธิบายเกี่ยวกับรสชาติที่หลากหลาย และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะคราฟเบียร์ เท่านั้น 

  1. Lager: เบียร์ลาเกอร์เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีรสชาติที่สดชื่น กลิ่นหอมของมอลต์ และความขมจากฮอปส์
  2. IPA: เบียร์ IPA ย่อมาจาก India Pale Ale มีรสชาติที่เข้มข้น กลิ่นหอมของฮอปส์ และความขมที่สูง
  3. Ale: เบียร์เอลมีรสชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่หวาน ขม ไปจนถึงเปรี้ยว กลิ่นหอมของผลไม้ เครื่องเทศ หรือดอกไม้
  4. Stout: เบียร์สเตาต์มีรสชาติที่เข้มข้น หวาน กลิ่นหอมของช็อกโกแลต กาแฟ หรือคาราเมล
  5. Porter: เบียร์พอร์เตอร์มีรสชาติที่คล้ายกับเบียร์สเตาต์ แต่มีสีอ่อนกว่า และความขมที่น้อยกว่า

ส่วนประกอบหลักๆที่ใช้ในการผลิตเบียร์คราฟ

ด้วยความโดดเด่นเป็นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ของคราฟเบียร์ แน่นอนอยู่แล้วมักมีส่วนผสมที่พิเศษและแตกต่างจากการหมักเบียร์แบบทั่วไปอยู่บ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับเคล็ดลับและสูตรเฉพาะของแต่ละแบรนด์ แต่จะมีส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้

Yeast icon

ยีสต์ (Yeast)

ยีสต์มีบทบาทสำคัญในการกำหนด รสชาติและกลิ่นของเบียร์ ยีสต์แต่ละสายพันธุ์ให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน

Hops icon

ฮ็อปส์ (Hops)

ฮอปส์เป็นส่วนผสมที่ให้ ความขม กลิ่นหอม และรสชาติของผลไม้ ฮอปส์มีหลายสายพันธุ์ 

โดยในแต่ละสายพันธุ์ให้กลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป

Malt icon

มอลต์ (Malt)

มอลต์เป็นส่วนผสมที่ให้ รสชาติหวาน กลิ่นหอมของขนมปัง และคาราเมล เป็นต้น

โดย มอลต์มีหลายชนิด แต่ละชนิดให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน

Water icon

น้ำ (Water)

น้ำเป็นองค์ประกอบหลักมากกว่า 90% การเลือกน้ำจากสถานที่แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ 

เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำมีความแตกต่างกันซึ่งมีผลต่อการกำหนดรสชาติของคราฟเบียร์

คราฟเบียร์ หรือ เบียร์คราฟ เป็นสิ่งผิดกฏหมายในไทยไหม

หากอยากทราบว่าการทำหรือเปิดร้านขายคราฟเบียร์ ผิดกฎหมายในไทยไหมในปัจจุบันนั้นการจะผลิตหรือขายคราฟเบียร์ในไทย มีกฎหมายควบคุมอยู่บ้าง เหมือนเป็นกฎระเบียบเพื่อความปลอดภัยและความเป็นธรรมหลักๆ ก็คือต้องขอใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตทุนจดทะเบียนต้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท (เว้นแต่ผลิตเพื่อกินเองไม่ขาย) 

หรือต้องผลิตอย่างน้อย 1,000 ลิตรต่อปี (เว้นแต่ผลิตเพื่อกินเองไม่ขาย)แต่เมื่อปี 2565 มีกฎหมายใหม่ “กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565” ออกมา ผ่อนคลายให้คนทั่วไปสามารถผลิตคราฟเบียร์ได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่มีข้อจำกัดนิดหน่อย คือ ผลิตได้ไม่เกิน 200 ลิตรต่อปีเอาเป็นว่าชอบ คราฟเบียร์ ก็ลุยเลย

เบียร์ทั้งหมด แบ่งออกเป็นกี่เกรด กี่ประเภท

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลย  เบียร์ หรือ Craft Beer มีหลายเกรด หลายประเภท และมีมากถึง 8 ประเภท ให้เลือกลิ้มลอง ซึ่งในแต่ละประเภท จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน ทั้งในด้าน ความเข้ม ความเบา นุ่มลิ้น ซึ่งจะมีเบียร์ประเภทไหนบ้างให้เลือกดื่ม ไปดูกัน

Hefeweizen

Hefeweizen มีลักษณะเป็นเบียร์สีเหลืองทองขุ่น มีฟองสีขาวละเอียดและมีกลิ่นหอมของฮ็อปส์จาง ๆ รสชาติหอมหวาน และมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย เบียร์ที่รสชาติดีและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Hefeweizen เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด 

Witbier

คราฟต์เบียร์ที่มีกลิ่น Citrus เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเบียร์คราฟต์ ด้วยกลิ่นหอมของผลไม้สดชื่นที่ทำให้คุณตื่นเต้นและอยากลองชิมอีกถ้าคุณเป็นคนที่รักการผสมผสานระหว่างสีสัน รสชาติ และกลิ่น ก็จะต้องหลงใหลกับ Witbier ดื่มง่าย ลื่นคอ ใครที่กำลังเลี่ยงรสขม ต้องตัวนี้เลย

Pale Ale

Pale Ale ถือว่าเป็นคราฟต์เบียร์ที่มีความนิยมและเป็นที่นิยมมากที่สุดในวงการเบียร์คราฟต์สำหรับคนที่ชื่นชอบการลิ้มลองเบียร์คราฟต์สีเหลืองทอง แนะนำให้คุณมองหา “Pale Ale” ไว้ลองคราฟต์เบียร์ประเภทนี้มีลักษณะเด่นคือกลิ่นหอมชัด รสชาติหวานอ่อนๆ ที่ทำให้คุณสามารถดื่มได้อย่างสะดวกสบาย

IPA

IPA ย่อมาจากคำว่า “India Pale Ale” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสไตล์ของเบียร์ที่มีรสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อมลักษณะมีสีส้มออกทองแดงนอกจากนี้ยังมีมีปริมาณฮ็อปส์และยีสต์ที่มากขึ้น ส่งผลให้เบียร์มีแอลกอฮอล์สูงถูกใจสายดื่มแน่นอน

Double IPA

Double IPA หรือบางที่เรียกว่า imperial IPA เป็นคราฟต์เบียร์ที่มีรสชาติอันเข้มข้นถูกใจคนที่ชื่นชอบเบียร์ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นแน่นๆลองหยิบ Double IPA มาลองประสบการณ์การดื่มเบียร์รูปแบบใหม่ได้เลย

Stout

เป็นเบียร์ประเภทที่รสชาติเข้มข้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Stout Beer จึงเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการดื่มเบียร์ โดยจะแตกต่างกันไปตามชนิดของมอลต์ที่ใช้ในการผลิต

Stout Beer จะมีรสชาติที่หวานเล็กน้อย กลิ่นกาแฟ ช็อกโกแลต และคาราเมล และมีรสชาติขมเล็กน้อยในตอนท้าย Stout Beer เป็นเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง ประมาณ 4-6% และบางชนิดมีอาจสูงถึง 10% หรือมากกว่านั้น

บริการจัดส่งทั้งหมดที่มีให้เลือก ค่ายขนส่งชื่อดัง

สำหรับลูกค้าร้านคราฟเบียร์ยอดฮิตอย่าง ร้าน BEER6 มีค่ายขนส่งให้เลือกมากถึง 8 บริษัท โดยลูกค้าท่านไหนที่สั่งซื้อสินค้าในร้านนี้ สามารถเลือกบริการขนส่งที่ถูกใจได้อย่างอิสระ ตามความพอใจของทุกท่าน

บริการส่งต่างจังหวัด

  1. DHL EXPRESS : ระยะเวลา ในการจัดส่ง 2-3 วัน / Take Time 3-5 Day
  2. FLASH EXPRESS : ระยะเวลา ในการจัดส่ง 2-3 วัน / Take Time 2-3 Day
  3. KERRY EXPRESS : ระยะเวลา ในการจัดส่ง 2-3 วัน / Take Time 2-3 Day
  4. EMS THAILAND POST ( ไปรษณีย์ไทย ) : ระยะเวลา ในการจัดส่ง 3-4 วัน / Take Time 3-4 Day

บริการส่งด่วน 30 นาที

  1. GRAB : ส่งด่วน 30 นาที | ทั่วเขตกรุงเทพ / Express delivery in 30 minutes | All over Bangkok 
  2. LINE MAN : ส่งด่วน 40 นาที | ทั่วเขตกรุงเทพ / Express delivery in 30 minutes | All over Bangkok 
  3. FOODPANDA : ส่งด่วน 45 นาที | ทั่วเขตกรุงเทพ / Express delivery in 45 minutes | All over Bangkok 
  4. LALAMOVE : ส่งด่วน 50 นาที | ทั่วเขตกรุงเทพ / Express delivery in 50 minutes | All over Bangkok 

วิธีจัดเก็บคราฟเบียร์อย่างถูกต้อง เพื่อให้เบียร์มีรสชาติดีที่สุด

ไม่มีเรื่องใดสำคัญกว่าการเลือกวิธีจัดเก็บคราฟเบียร์ให้ถูกต้อง เพื่อให้เบียร์คราฟมีรสชาติที่ดี เพราะหากเก็บไม่ถูกวิธีจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงได้  โดยมีวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้

  • รู้วันหมดอายุของเบียร์
  • เปิดเบียร์แล้วไม่ควรเก็บไว้
  • การวางขวดเบียร์ในแนวตั้ง
  • การเก็บเบียร์ในที่แห้งไม่ให้แสงแดดแทรกเข้ามา
  • การเก็บเบียร์ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ 17-25 องศาเซลเซียส

สรุป

สายเบียร์เลิฟเวอร์ต้องชอบแน่นอน คราฟเบียร์ เครื่องดื่มสุดคลาสสิก มีให้เลือกมากกว่า 200 รสชาติ ที่ไม่ซ้ำใคร เหมาะสำหรับสายดื่มเบียร์ชุกประเภท ทุกเกรด มีให้เลือกแบบครบจบ ไม่ต่ำกว่า 8 ประเภท พร้อมมีบริการจัดส่ง รวดเร็ว 2-3 วัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศ สามารถหาไปลองกันได้แล้ววันี้ โดยสั่งในร้าน Beer6.net ร้านเบียร์คราฟออนไลน์ มาแรง เปิดบริการ 24 ชั่วโมง 

Scroll to Top